การเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์: เข้าใจผลประโยชน์พนักงานให้ถ่องแท้ก่อนลุย IPO
- actuarialbiz actuarialbiz
- 25 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 5 ส.ค.

การเข้าสู่ตลาดหุ้นหรือ IPO (Initial Public Offering) ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สำหรับบริษัทที่ต้องการเติบโตแบบยั่งยืน การจะให้หุ้นของกิจการกลายเป็นของสาธารณะ ไม่ใช่แค่ต้องมีงบการเงินที่สวยงาม แต่ต้องมีระบบหลังบ้านที่แข็งแรงด้วย หนึ่งในเรื่องที่หลายบริษัทมักมองข้ามก็คือ การคำนวณผลประโยชน์พนักงานอย่างถูกต้องตามมาตรฐานใหม่ที่ต้องใช้หลังจากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันแบบชัด ๆ ว่า IPO คืออะไร IPO คือกระบวนการที่บริษัทเอกชนเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชน โดยเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับเงินทุนเพิ่ม และสามารถขยายกิจการได้เร็วขึ้น ทว่ามันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดทำงบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เหมาะกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
บริษัทที่ยังไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น มักใช้มาตรฐานบัญชีที่เรียกว่า TFRS for NPAEs ซึ่งเป็นมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับย่อที่เหมาะสำหรับกิจการขนาดกลางและเล็ก เพราะมันไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก จึงเหมาะกับกิจการที่ยังไม่มีผู้ถือหุ้นจำนวนมากหรือยังไม่ได้ระดมทุนจากตลาดทุน
แต่เมื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป บริษัทจะต้องเปลี่ยนไปใช้มาตรฐาน TFRS for PAEs ซึ่งประกอบด้วยหลายมาตรฐานบัญชีย่อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน ต้องเปลี่ยนไปใช้มาตรฐานเฉพาะคือ TAS 19 (Thai Accounting Standard No. 19)
แล้วทำไมการคำนวณผลประโยชน์พนักงานถึงเป็นเรื่องใหญ่? เพราะมันคือภาระผูกพันของบริษัทที่มีต่อพนักงานในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นบำเหน็จ บำนาญ โบนัส หรือผลตอบแทนระยะยาวอื่น ๆ ถ้าบริษัทคำนวณผิดหรือละเลย มันจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และอาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจได้
TAS 19 นั้นต่างจาก TFRS for NPAEs แบบสุดขั้ว เพราะมันต้องใช้การคำนวณเชิงคณิตศาสตร์ประกันภัย มีการประเมินล่วงหน้า คาดการณ์ตัวแปรต่าง ๆ เช่น อายุเกษียณ อัตราการลาออก การขึ้นเงินเดือน ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างล้วนมีผลต่อภาระของบริษัทในอนาคต และล้วนต้องอาศัยการคำนวณผลประโยชน์พนักงานอย่างมืออาชีพ
ในทางปฏิบัติ บริษัทที่กำลังจะ IPO ควรเริ่มคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 อย่างน้อยล่วงหน้า 2-3 ปี เพื่อให้สามารถจัดการงบการเงินให้ดูสม่ำเสมอ และลดความผันผวนที่จะเกิดขึ้นตอนยื่นงบต่อ ก.ล.ต. และนักลงทุน การคำนวณผลประโยชน์พนักงานอย่างต่อเนื่องยังช่วยให้บริษัทวางแผนด้านการเงินและบริหารทรัพยากรบุคคลได้ดีขึ้นอีกด้วย
อีกจุดสำคัญคือเรื่องของ "การวัดมูลค่าใหม่" หรือ Remeasurement ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผลการดำเนินจริงต่างจากที่ประเมินไว้ตอนต้นปี เช่น คำนวณไว้ว่าจะต้องกันเงินสำรองไว้ 1 ล้านบาท แต่จริง ๆ แล้วต้องใช้ 1.2 ล้านบาท ส่วนต่าง 2 แสนนี้ต้องรับรู้ในงบการเงินด้วย ซึ่งใน TAS 19 จะมีแนวทางชัดเจนว่าจะบันทึกไว้ในส่วนใดของงบ เช่น งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (OCI)
นอกจากนี้ การบันทึกค่าใช้จ่ายใน TAS 19 ยังต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ต้นทุนบริการ (Service Cost) และดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Cost) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งบเข้าใจว่าเงินสำรองไว้นั้น เกิดจากการให้บริการในปัจจุบัน หรือเป็นผลของต้นทุนจากหนี้สินสะสม การคำนวณผลประโยชน์พนักงานจึงไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลตัวเลข แต่เป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อการบริหารองค์กรโดยรวม
แน่นอนว่าการทำทั้งหมดนี้เองในองค์กรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน ทั้งด้านบัญชีและคณิตศาสตร์ประกันภัย ทำให้หลายบริษัทเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เช่น บริษัท ABS ซึ่งมีทีมงานที่ได้รับการรับรองจากทั้งไทย อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีประสบการณ์คำนวณผลประโยชน์พนักงานให้กับองค์กรชั้นนำมากว่า 25 ปี
สรุปแล้ว ใครที่กำลังคิดจะ IPO อย่ามัวแต่โฟกัสแค่งบการเงินหรือกำไรขาดทุนเพียงอย่างเดียว ให้ย้อนกลับมามองที่ระบบหลังบ้านให้ดี โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์พนักงาน เพราะถ้าละเลย มันจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้บริษัทเสียหายได้ในอนาคต ดังนั้น การคำนวณผลประโยชน์พนักงานให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต
เริ่มต้นวันนี้ ดีกว่ารอวันใกล้เข้า IPO แล้วค่อยมาเร่งจัดการทุกอย่าง เพราะบางอย่างต้องใช้เวลาเตรียมตัว และผลลัพธ์มันจะสะท้อนออกมาในงบการเงินทั้งปีก่อนหน้า ไม่ใช่แค่ปีปัจจุบันเท่านั้น
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19
ความคิดเห็น